สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 29 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม 2564

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,485 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,225 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.82
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,705 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,666 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 24,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,950 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,870 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.67
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 662 ดอลลาร์สหรัฐฯ (21,809 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 669 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,035 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.04 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 226 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 398 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,109 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,274 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.24 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 165 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 401 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,208 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 406 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,373 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.23 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 165 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.4955 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาส่งออกข้าวอยู่ในระดับทรงตัว โดยราคาข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ตันละ 425-430 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่วงการค้าคาดว่าการที่รัฐบาลฟิลิปปินส์จะระงับการนําเข้าข้าว
เป็นการชั่วคราวจากเวียดนามในช่วงนี้นั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเวียดนามมากนัก เนื่องจากช่วงนี้อุปทานข้าวในตลาดภายในประเทศมีปริมาณจํากัดอยู่แล้ว ซึ่งวงการค้าคาดว่า อุปทานข้าวจะมีปริมาณจํากัดจนกว่าจะถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูใหม่ หรือฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิต (the winter-spring crop) ที่จะออกสู่ตลาดในช่วง
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงมีนาคมของปีหน้า
สํานักข่าว Reuters รายงานว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2564 คาดว่าเวียดนามมีการส่งออกข้าวประมาณ 563,000 ตัน มูลค่าประมาณ 297 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ (มกราคม-พฤศจิกายน 2564) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 5.7 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 3.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 และร้อยละ 7.3 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
          ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          อินเดีย
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับทรงตัวหลังจากที่ราคาปรับลดลงติดต่อกันมาสองสัปดาห์ (ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา) เนื่องจากในช่วงนี้อุปทานข้าวจากฤดูการผลิตฤดูร้อน (the summer-sown crop) ในตลาดมีมากขึ้น ขณะที่ความต้องการข้าวจากต่างประเทศมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน บังคลาเทศ และอินโดนีเซีย โดยข้าวนึ่ง 5% ราคาทรงตัวอยู่ที่ตันละ 354-360 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่มีรายงานว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาบังคลาเทศได้นําเข้าข้าวไปแล้วประมาณ 800,000 ตัน
โดยส่วนใหญ่นําเข้าจากอินเดีย
          ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          อิหร่าน
สำนักประสานงานการจัดจําหน่ายและการขาย (the director general of Distribution and Sales Coordination Bureau) และองค์การการค้าของรัฐบาล (the Government Trading Corporation; GTC) ระบุว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของงบประมาณปัจจุบัน (21 มีนาคม-21 พฤศจิกายน) มีการนําเข้าข้าวประมาณ 665,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการนําเข้าโดยภาคเอกชนประมาณ 445,000 ตัน และที่เหลืออีกประมาณ 220,000 ตัน นําเข้าโดยหน่วยงาน GTC
ทั้งนี้ หน่วยงาน GTC เป็นกลไกที่มีบทบาทในการบังคับใช้มาตรการควบคุมตลาด และรับผิดชอบในการจัดหาสินค้าจําเป็น เช่น ข้าวสาลี ข้าว น้ำมันประกอบอาหาร และเนื้อสัตว์สำหรับสํารองทางยุทธศาสตร์ของประเทศ
มีรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการปากีสถานและอิหร่านได้ทำข้อตกลงกันในการแลกเปลี่ยนข้าวและ
ก๊าซหุงต้ม (liquified petroleum gas; LPG) ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าว (barter deal to exchange rice and LPG) ปากีสถานจะนําเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อแลกกับการส่งออกข้าว ซึ่งบันทึกความเข้าใจ (memorandum of understanding; MoU) ดังกล่าวได้มีการลงนามในระหว่างการประชุมคณะกรรมการการค้าร่วม (the Joint Trade Committee; JTC) ครั้งที่ 9 ในกรุงเตหะราน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าการแลกเปลี่ยนสินค้าจะเริ่มขึ้นระหว่างสองประเทศภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้
          ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.76 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.86 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.13 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.90 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.43
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.45 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.48 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.29 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.28 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.78
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 317.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,571.00 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 323.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,639.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.86 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 68.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนธันวาคม 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 577.00 เซนต์ (7,702.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชล 581.00 เซนต์ (7,630.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.69 แต่สูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 72.00 บาท

 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.664 ล้านไร่ ผลผลิต 32.730 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.387 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.796 ล้านไร่ ผลผลิต 32.499 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.318 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ลดลงร้อยละ 1.35 แต่ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.71 และร้อยละ 2.08 ตามลำดับ โดยเดือนพฤศจิกายน 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.31 ล้านตัน (ร้อยละ 3.99 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.30 ล้านตัน (ร้อยละ 62.02 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและคุณภาพดี สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่เปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.22 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.53 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.55 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.31
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.71 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.52 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.53
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.01 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 14.91 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.67
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 260 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,709 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 256 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,432 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.56
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 488 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,346 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (16,074 บาทต่อตัน)


 


ปาล์มน้ำมัน
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤศจิกายนจะมีประมาณ 1.070 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.193 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.246 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.224 ล้านตันของเดือนตุลาคม คิดเป็นร้อยละ 14.13 และร้อยละ 13.84 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 8.54 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 8.51 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.35
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 45.20 บาท ลดลงจาก กก.ละ 45.55 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.77     
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
อินเดียมีแนวโน้มที่จะซื้อน้ำมันจากมาเลเซียมากขึ้น เนื่องจากภาษีส่งออกของอินโดนีเซียที่อยู่ในระดับสูง เมื่อรวมกับราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ต้นทุนในการซื้อน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียสูงขึ้น น้ำมันปาล์มอินโดนีเซียเคยคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70-75 ของการนำเข้าน้ำมันปาล์มของอินเดีย แต่หลังจากที่ภาษีส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้สัดส่วนของอินโดนีเซียลดลงเหลือเพียงร้อยละ 55 ขณะที่สัดส่วนมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 45 อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของปากีสถาน ซึ่งปากีสถานเน้นการนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ แต่อินเดียเน้นการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 5,231.78 ดอลลาร์มาเลเซีย (42.38 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 5,320.02 ดอลลาร์มาเลเซีย (42.55 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.66                          
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,320.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (44.79 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,344.38 ดอลลาร์สหรัฐฯ (44.86 บาท/กก.)  ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.81
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

    ไม่มีรายงาน

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
         StoneX คาดว่าผลผลิตอ้อยในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลจะเพิ่มขึ้นเป็น 565.3 ล้านตัน ในปี 2565/2566 เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ดีตั้งแต่เดือนตุลาคม ในทำนองเดียวกัน Itau BBA เห็นการฟื้นตัวของผลผลิตเป็น       560 ล้านตัน ด้านเกษตรกรและนักปฐพีวิทยาหลายคนเตือนว่าต้องใช้เวลา 2-3 ฤดู ในการฟื้นฟูผลผลิตอ้อย    ส่วนทางด้าน Pecege ตั้งเป้าผลผลิตไว้ที่ 530-550 ล้านตัน
          StoneX ปรับลดการคาดการณ์ผลผลิตอ้อยในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลลงเล็กน้อย อยู่ที่ 530.8 ล้านตัน และปรับประมาณการสัดส่วนการผลิตน้ำตาลเป็น 45% จากเดิม 45.5% ที่ 32.4 ล้านตัน   ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม 3.2% ในขณะที่คาดการณ์ผลผลิตเอทานอลลดลง 1.2% มาอยู่ที่ 24.4 พันล้านลิตร
          สมาคมโรงงานน้ำตาลของอินเดีย ISMA มั่นใจว่าในปี 2564/2565 อินเดียน่าจะสามารถส่งออกน้ำตาลได้ 6 ล้านตัน แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากปีที่แล้วการระบาดครั้งใหญ่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์การส่งออกและการขนส่ง ในขณะเดียวกัน StoneX คาดการณ์ว่าในปี 2564/2565 อินเดียจะส่งออกน้ำตาล 4.5-6.0 ล้านตัน




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 15.25 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,239.20 เซนต์ (15.45 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,266.55 เซนต์ (15.33 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.16
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 357.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.14 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 361.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.04
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 55.87 เซนต์ (41.78 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 59.88 เซนต์ (44.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.70


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.70 สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.62 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 31.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.87
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 28.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.29
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 24.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.00
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 920.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.84 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 973.40 ดอลลาร์สหรัฐ (32.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.42 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.22 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 830.60 ดอลลาร์สหรัฐ (27.82 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 881.80 ดอลลาร์สหรัฐ (29.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.22 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,257.80 ดอลลาร์สหรัฐ (42.13 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,279.80 ดอลลาร์สหรัฐ (42.15 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.72 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 710.40 ดอลลาร์สหรัฐ (23.80 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 759.00 ดอลลาร์สหรัฐ (25.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.40 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.20 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,221.60 ดอลลาร์สหรัฐ (40.92 บาท/กก.) ลดลงจากตัน 1,242.80 ดอลลาร์สหรัฐ (40.94 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.71 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.49 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 46.19 บาท จากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.85
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.28 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 31.71 บาท จากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.95
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
    ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนธันวาคมและมีนาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 105.98 เซนต์ (กิโลกรัมละ 79.28 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 115.23 เซนต์ (กิโลกรัมละ 84.77 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อย 8.03 (ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 5.49 บาท)

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,649 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,635 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.87 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,429 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,389 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.88 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 996 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  75.18 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 74.19  คิดเป็นร้อยละ 1.33 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 69.28 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.88 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 79.53 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 77.26 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,500 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมีจำนวนน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 41.63 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 38.83 บาทคิดเป็นร้อยละ 7.21 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 42.28 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.04 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 12.50 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.50 บาท สูงขึ้นจาก เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.94 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ                                                                                                                 
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 282 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 303 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 283 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 277 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.13 บาท  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 356 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 352 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.34 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 370 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 365 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 328 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 400 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.95 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 96.15 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 97.05 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.93 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.04 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 98.13 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 85.91 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 80.72 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 80.94 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.26 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 79.35 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
 
 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 35.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.00 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.43 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.21 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.22 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 153.60 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 164.17 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 160.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.17 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 72.17 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.63 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.50 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคค่อนข้างคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.57 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 35.40 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 30.40 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท